คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
จขกท มีความคิดดีมากคะ
ขอแนะนำ จาก ประสบการณ์อย่างตรงไปตรงมานะคะ
1. ยังไม่ต้องรีบแต่งดีกว่าไหมคะ อายุยังไม่เยอะเท่าไหร่ (ถ้า ไม่ รีบ มีลูกนะคะ ) ให้โอกาสแฟนรู้จักทำงานหาเงินดูแลครอบครัวให้ดีกว่านี้ และให่โอกาสตัวเองเผื่อจะเจอคนที่ดีกว่านี้
จากทร่ จขกท เล่า เพิ่งเข้ารับราชการ ฐานเงินเดือนน้อย คิดจะกู้ซื้อรถ แต่ ไม่ คิด ทำงาน พิเศษหารายได้เพิ่ม ... จะแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้ก็คิดดีๆว่าจะลำบากไปทั้งชีวิตไหวไหมนะคะ งาน ข้าราชการ และ รัฐวิสาหกิจให้โอกาสในการกู้ยืมเยอะมาก ขยันกู้ แต่หาไม่เป็น เงินเดือนไม่เหลือแน่นอนคะ อีก อย่าง ที่ สำคัญคือไม่น่าจะมาเปรียบเทียบว่าใครมีมรดกจากพ่อแม่นะคะ...สำคัญคือมีความสามารถทำงานหาเงินได้ด้วยตัวเองแค่ไหนมากกว่า
2. ตั้งใจจะแต่งงานแน่นอน แนะนำจัดงาน ร.พ.สงฆ์ หรือ ผูกข้อมือที่บ้านก็พอ เพราะการจัดงานแต่งงาน เหมือนการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
ตบท้าย...คิดถูกแล้วคะ มีเงินซื้อบ้านซื้อที่ดินไว้ ก่อนซื้อรถ ...
ขอให้จขกท โชคดีคะ
ขอแนะนำ จาก ประสบการณ์อย่างตรงไปตรงมานะคะ
1. ยังไม่ต้องรีบแต่งดีกว่าไหมคะ อายุยังไม่เยอะเท่าไหร่ (ถ้า ไม่ รีบ มีลูกนะคะ ) ให้โอกาสแฟนรู้จักทำงานหาเงินดูแลครอบครัวให้ดีกว่านี้ และให่โอกาสตัวเองเผื่อจะเจอคนที่ดีกว่านี้
จากทร่ จขกท เล่า เพิ่งเข้ารับราชการ ฐานเงินเดือนน้อย คิดจะกู้ซื้อรถ แต่ ไม่ คิด ทำงาน พิเศษหารายได้เพิ่ม ... จะแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้ก็คิดดีๆว่าจะลำบากไปทั้งชีวิตไหวไหมนะคะ งาน ข้าราชการ และ รัฐวิสาหกิจให้โอกาสในการกู้ยืมเยอะมาก ขยันกู้ แต่หาไม่เป็น เงินเดือนไม่เหลือแน่นอนคะ อีก อย่าง ที่ สำคัญคือไม่น่าจะมาเปรียบเทียบว่าใครมีมรดกจากพ่อแม่นะคะ...สำคัญคือมีความสามารถทำงานหาเงินได้ด้วยตัวเองแค่ไหนมากกว่า
2. ตั้งใจจะแต่งงานแน่นอน แนะนำจัดงาน ร.พ.สงฆ์ หรือ ผูกข้อมือที่บ้านก็พอ เพราะการจัดงานแต่งงาน เหมือนการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
ตบท้าย...คิดถูกแล้วคะ มีเงินซื้อบ้านซื้อที่ดินไว้ ก่อนซื้อรถ ...
ขอให้จขกท โชคดีคะ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ปัญหาชีวิต
ก่อนแต่งควรตัดสินใจยังไงดี
หลังจากที่เป็นอิแอบอยู่นาน วันนี้ก็มาถึงวันที่เราเองเรื่องราวที่อยากจะเล่าเหมือนกัน เริ่มเลยนะคะ
ขอแนะนำครอบครัวของแต่ละฝ่ายก่อนนะคะ ครอบครัวเราเป็นครอบครัวคนจีนค่ะทำธุรกิจเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้ขัดสนอะไร ส่วนแฟนเรารับราชการ ครอบครัวเขาพ่อแม่แยกกันอยู่ค่ะ(พ่อและแม่ต่างมีแฟนใหม่แต่ไม่หย่า) เขาต้องหาเลี้ยงตัวเอง แม่ และน้องค่ะ ส่วนพ่อไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเขานานแล้วค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า เราคบกับแฟนเรามาได้สักประมาณ 5 ปีแล้วค่ะ เลยคุยเรื่องแต่งงานกันบ้างพอสังเขปค่ะ แต่คุยกันได้ไม่นานก็ต้องยุติ บทสนทนาลง ไม่งั้นก็ทะเลาะกันไปเลย ทำไมเหรอคะ ก็เพราะว่า เราบอกแฟนเราว่าเราไม่อยากให้เขาไปกู้เงินเพื่อมาจัดงานแต่งงานให้เรา แต่เราอยากให้เขาค่อยๆเก็บเงิน ขาดเหลือเท่าไหร่เราค่อยว่าพูดคุยกันในภายหลัง ( เราอายุ 27 ) เพราะเรากลัวดอกเบี้ยที่จะตามมาในภายหลังเพราะการกู้เงินถ้าเราไม่มีเงินต้นไปโป๊ะ เราก็ต้องใช้ดอกเบี้ยไปเรื่อยๆดีไม่ดีดอกที่ใช้จะมากกว่าต้นที่ยืมเสียอีกเราคิดแบบนี้ แต่เขาไม่เคยฟังเราเลยทะเลาะกันตลอด เขาบอกแต่ว่าอาชีพแบบเขาและ พ่อแม่ไม่ได้มีมรดกอะไรให้เลยเหมือนกับเรา ยังไงก็เก็บเงินมากมายขนาดนั้นไม่ได้หรอก (เราขอสินสอด 3แสนค่ะ ทอง 9บาท เราจัดงานเองทั้งหมด) ยังไงก็ต้องกู้ (แฟนอายุ 26 เพิ่งรับราชการปีแรก) แล้วยังมาว่าเราอีก ถ้าพ่อแม่ไม่มีอะไรให้เราเองก็ไม่มีอะไรเหมือนกันนั่นแหละ แล้วนอกจากจะกู้เงินเพื่อมาแต่งงานแล้ว ยังจะกู้มาซื้อรถอีกด้วยนะคะ(แฟนได้รับเงินเดือนตามมาตรฐานปริญญาตรี)
เราเลยเสนอว่าถ้าจะกู้มาซื้อทั้ง2อย่างทำไมไม่กู้มาซื้อบ้านหรือไม่ก็ที่ดินดีกว่าไหม มันจะได้เป็นหนี้สิน ที่เป็นทรัพย์สิน อยากขายเมื่อไหร่ก็ได้และราคาก็ไม่ตก เขาก็บอกว่าจะไปซื้อที่ไหน ทั้ง2อย่างที่พูดมามันไม่ได้หาซื้อได้ง่ายๆนะ เราเลยเสนอต่อไปว่า แล้วไม่ลองกู้เงินมาทำอาชีพเสริมหลังเลิกงาน เขาก็บอกว่าตอนนี้อยู่ตัวคนเดียวไม่มีเวลาทำ 2อย่างไปพร้อมๆกันได้หรอก เลิกงานมาก็เหนื่อยแล้ว เราก็แบบ เอิ่ม...จะกู้แต่เงินอย่างเดียวเลยใช่ไหมที่ทำได้ ... แล้วเรื่องพวกนี้ก็เงียบไป
แต่เมื่อเร็วๆนี้แฟนเราบอกว่ามีข้อเสนอมาให้เลือกไปปรึกษารุ่นพี่ที่ทำงานมา ไปอ่านกันเลยค่ะ
1. เขาจะไปกู้เงินมาเพื่อมาสู้ขอ และจัดงานแต่งงานให้กับเราอย่างสมเกียรไม่ให้ครอบครัวของเราต้องน้อยหน้าแต่อย่างได และเงินที่ได้ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายให้เราเป็นคนเก็บไว้ เอาไว้ใช้เลี้ยงลูก และยามจำเป็นของเรา 2คน ส่วนหนี้สินที่เขาไปกู้มาจะหักจากเงินเดือนเขาไปเรื่อยๆ โดยที่เขาจะไม่มีเงินเดือนให้เราเพราะเขาต้องใช้หนี้ที่ไปกู้มาเพื่อจัดงานแต่ง ถ้าเราอยากได้อะไรให้เราถอนเอาจากเงินสินสอด + ค่าซอง ที่หักค่าใช้จ่ายไว้แล้ว (บางทีมันอาจไม่เหลือให้หักรึป่าววะ) บลา ๆ ๆ ๆ ๆ
2. . เขาจะไปกู้เงินมาเพื่อมาสู้ขอ และจัดงานแต่งงานให้กับเราอย่างสมเกียรไม่ให้ครอบครัวของเราต้องน้อยหน้าแต่อย่างได และเมื่อจัดพิธีเสร็จ หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เรานำเงินที่เหลือคืนให้กับเขาเพื่อที่เขาจะนำเงินก้อนไปคืนสหกรณ์(เขาบอกว่าเพราะเรากังวลเรื่องดอกเบี้ยที่จะเยอะกว่าเงินต้นในภายหลัง เขาเลยต้องใช่วิธีนี้) และในส่วนที่ขาดเราทั้ง 2คนก็ช่วยกันหาเงินก้อนไปใช้หนี้ร่วมกัน หลังจากใช้หนีหมดเขาถึงจะมีเงินเดือนให้กับเรา(5พันบาท: เดือน)
ปล1 แฟนบอกว่าอย่าบอกให้ครอบครัวเราทราบเรื่องที่เรากำลังจะตกลงกันเพราะเดี๋ยวพ่อแม่เราจะไม่ปลื้มเขา แฟนบอกว่าถ้าจะมีครอบครัวเป็นของตัวเองอย่าเอาพ่อแม่ของทุกฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้างั้นมันจะเกิดปัญหาได้ในภายหลัง
ปล2 พ่อแม่เราบอกว่าเงินที่ได้ทั้งหมด ท่านจะให้เราคืนทั้งหมดและเพิ่มเงินขวัญถุงให้ด้วยเพื่อเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เราฟังแล้วน้ำตาจะไหลค่ะ
แล้วเขาก็ถามเราว่าจะเลือกอันไหน เราเลยถามต่อว่าคิดดีแล้วเหรอ ที่จะทำแบบนี้ เขาก็บอกว่ามันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ความรักของเราสมหวัง แต่เราไม่อยากเริ่มต้นชีวิตด้วยการติดลบ ด้วยการเป็นหนี้สินเพราะครอบครัวเราสอนให้ลูกหาเงินและใช้เงินไม่เคยสอนให้ยืมเงิน มีเท่าไหร่ใช่เท่านั้น แฟนก็บอกว่าเธอกลัวความลำบากมากไปไหม ทั้งๆที่อนาคตมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดก็ได้…อีกอย่างครอบครัวเธอก็มีกินมีใช้แล้วจะกลัวอะไรเราได้ฟังฟังแล้วเหนื่อใจค่ะ ไม่รู้จะพูดกับเขายังไงแล้ว ตอนนี้รู้สึก ไม่ได้หมดรัก..แต่หมดแรงค่ะ
เพื่อนๆ พี่ๆ ในที่นี้ช่วยเสนอความคิดเห็นหน่อยนะค่ะ ว่าเราควรจะทำยังไงดี ควรเลือกอันไหน หรือใครมีทางเลือกที่ดีกว่าไหมคะ ขอความคิดเห็นด้วยนะคะ ต้องการความคิดเห็นเพื่อตัดสินใจค่ะ “ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ” อาจแท็กไม่ถูกหน้าให้อภัยมือใหม่หัดโพสด้วยนะคะ